Site icon Motherhood.co.th Blog

7 “อาการของเด็ก” ที่ดูเหมือนน่ากลัว แต่ความจริงแล้วปกติสุด ๆ

อาการของเด็กที่น่าตกใจ

เรารู้ว่าคุณตกใจกับอาการแปลก ๆ ของลูก แต่มันไม่ได้น่ากลัวไปซะทั้งหมด

7 “อาการของเด็ก” ที่ดูเหมือนน่ากลัว แต่ความจริงแล้วปกติสุด ๆ

ตั้งแต่การหายใจไม่ออกไปจนถึงการกระตุกขณะหลับ “อาการของเด็ก” ที่น่าเป็นห่วงบางอย่างถือเป็นเรื่องปกติ ในบทความนี้ กุมารแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินจะมาให้ความรู้ว่าเวลาใดที่คุณควรโทรหาแพทย์จริง ๆ

คุณพ่อคุณแม่เคยโทรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อที่จะพบว่าอาการของลูกน้อยที่น่าเป็นห่วงไม่ได้เป็นปัญหาเลยหรือเปล่า ? แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่ทำไปแบบนั้น กุมารแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินต่างเห็นอกเห็นใจพ่อแม่ดี เมื่อพวกคุณโทรหาเพื่อต้องการทราบว่าลูกควรต้องพบแพทย์หรือไม่

แน่นอนว่าเจ้าตัวเล็กของคุณอาจเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาได้จริง แต่คุณจะต้องแปลกใจว่ามีอาการหลายอย่างที่ไม่ได้ส่งผลเสียอะไรกับเด็กมากมายนัก อาการที่บ่งบอกถึงภาวะทางการแพทย์ที่ร้ายแรงในผู้ใหญ่ เช่น การสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ อาจเป็นเรื่องปกติในทารก นั่นเป็นเพราะว่าทารกที่ยังไม่โตพอและฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายของทารกมีปฏิกิริยาตอบสนองในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร

เพื่อช่วยให้คุณสบายใจมากขึ้น Motherhood ได้รวบรวมอาการของทารกที่ดูเหมือนจะน่ากลัวแต่เป็นเรื่องปกติที่พบบ่อยที่สุดบางส่วนเอาไว้ หากคุณยังคงมีสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพของลูกคุณ คุณควรปรึกษาแพทย์เสมอ ปลอดภัยไว้ก่อน ดีกว่ามานั่งเสียใจในภายหลัง

การกระตุกตอนนอนก็ไม่ต่างอะไรกับการสะอีก
1. ทารกกระตุกระหว่างนอนหลับ

พ่อแม่มือใหม่พาทารกน้อยอายุ 1 สัปดาห์ไปหาหมอประจำครอบครัว หลังจากที่เห็นเธอกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้ขณะนอนหลับ พวกเขาแสดงวิดีโออาการกระตุกของเธอให้หมอดู และเขาส่งพวกเขาไปยังห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็ก แพทย์ ER ให้ทารกอยู่ในห้องไอซียู แต่เมื่อกุมารแพทย์ไปเยี่ยม เขาวินิจฉัยว่าเธอมีปรากฏการณ์ที่ไม่เป็นอันตรายซึ่งเรียกว่าอาการกระตุกของกล้ามเนื้อขึ้นอย่างทันทีทันใด (Myoclonus) ระหว่างการนอน และมันไม่ได้เป็นพิษเป็นภัย มันไม่อันตรายไปกว่า Myoclonus รูปแบบอื่น เช่น อาการสะอึก

สิ่งที่ทำให้กุมารแพทย์มั่นใจว่าทารกคนนี้สบายดีคือการเคลื่อนไหวเหมือนอาการชักของเธอเกิดขึ้นเฉพาะระหว่างการนอนหลับและหยุดทันทีเมื่อเธอตื่น เพราะทารกมีระบบประสาทที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ และการเคลื่อนไหวของพวกมันไม่ได้พร้อมเพรียงกันระหว่างการนอนหลับมากกว่าตอนที่เด็กตื่น การกระตุกเหล่านี้จึงไม่เหมือนกับการเคลื่อนไหวที่ผู้ใหญ่มีในขณะที่เราหลับไป

แพทย์ไม่ทราบว่าเหตุใด Myoclonus จึงเกิดขึ้น แต่พวกเขาสังเกตเห็นว่าสามารถเกิดขึ้นได้โดยเสียงดังหรือโดยการสัมผัส จากการศึกษาพบว่าการเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่มีอันตราย

เมื่อใดควรกังวลเกี่ยวกับการกระตุกนระหว่างการนอนหลับของทารก

ตัวบ่งชี้สำคัญของอาการชักที่แท้จริงคือการเคลื่อนไหวของดวงตาที่ผิดปกติพร้อมกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย หากคุณเห็นอาการที่น่ากลัวเหล่านี้ หรือหากลูกของคุณหายใจลำบาก ผิวเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน หรืออาการชักเป็นเวลานานกว่า 5 นาที ให้รีบไปที่ห้องฉุกเฉิน

ฮอร์โมนเอสโตรเจนสามารถกระตุ้นช่องจมูกได้
2. อาการคัดจมูกและการหายใจผิดปกติ

แม่พาลูกสาววัย 2 สัปดาห์เข้าห้องฉุกเฉินเพราะเสียงหายใจของทารกดูติดขัดตลอดเวลา แม่เป็นหวัด และตอนแรกเธอกังวลว่าจะทำให้ลูกสาวพลอยติดไปด้วย แม้ว่าลูกจะไม่มีอาการหวัดอื่น ๆ ก็ตาม ตอนกลางคืนเธอหายใจดังมากและในไม่ช้าแม่ก็กลัวว่าทารกแรกเกิดของเธอจะมีอาการอะไรที่แย่ไปกว่าหวัด

ปรากฎว่าอาการคัดจมูกแบบปกตินี้เกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งกระตุ้นช่องจมูก แม่ส่งต่อให้ลูกในครรภ์และขณะให้นมลูก ภาวะนี้โดยทั่วไปจะบรรเทาลงภายในสองเดือน ไม่ว่าลูกน้อยของคุณจะกินนมแม่หรือกินนมผสม และเมื่ออายุได้ 6 เดือน เมื่อโพรงจมูกของทารกมีขนาดเพิ่มขึ้น 2 เท่า อาการคัดจมูกก็แทบจะสังเกตไม่เห็น

เมื่อใดควรกังวลเกี่ยวกับอาการคัดจมูกและการหายใจ

ไปที่ห้องฉุกเฉินหากลูกของคุณวูบวาบในรูจมูกขณะหายใจ หรือถ้าหน้าอกหรือท้องของลูกถูกดึงเข้ามากเกินไป สิ่งเหล่านี้คือสัญญาณของความขัดข้องในทางเดินหายใจ

หน้าอกที่บวมขึ้นเล็กน้อยก็เป็นเพราะเอสโตรเจนเช่นกัน
3. หน้าอกที่เห็นได้ชัดเจนในเด็กผู้ชาย

พ่อแม่ของเด็กชายอายุ 6 สัปดาห์มาที่ห้องฉุกเฉินหลังจากที่เขาตื่นขึ้นในเช้าวันหนึ่งด้วยก้อนสีแดงอุ่นๆ ที่หน้าอกตรงใต้หัวนมขวาของเขา เคสนี้ก็เช่นกัน อสโตรเจนเป็นสาเหตุ เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนของมารดาถูกถ่ายทอดไปยังทารก ฮอร์โมนโปรแลคตินที่ผลิตน้ำนมจะเพิ่มขึ้นชั่วคราวและอาจทำให้เต้านมโตได้

ที่จริงแล้ว อย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ของเด็กชายและเด็กหญิงแรกเกิดที่มีสุขภาพแข็งแรง มักประสบปัญหานี้ที่เต้านมเพียงแค่ข้างเดียว ด็กแรกเกิด 5 เปอร์เซ็นต์จะผลิตสารคล้ายนมที่เรียกว่า Witch’s milk และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในกรณีนี้ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมก้อนถึงโตเร็วมาก อาการบวมมักจะหายไปภายในเดือนแรก แต่สามารถอยู่ได้นาน 3 เดือนหรือนานกว่านั้น

เมื่อใดควรกังวลเกี่ยวกับก้อนที่หน้าอกของทารก

หากเต้านมมีสีแดง ดูอ่อนนุ่ม หรือหากทารกมีไข้ ให้ไปพบแพทย์กุมารแพทย์เพื่อดูว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ นอกจากนี้ แม้ว่าการพัฒนาเนื้อเยื่อเต้านมจะพบได้บ่อยในเด็กแรกเกิดและในช่วงวัยแรกรุ่น (แม้แต่ในเด็กผู้ชาย) แต่ก็อาจบ่งบอกถึงปัญหาของฮอร์โมนหากเกิดขึ้นในช่วงเวลาอื่น

4. ถุยน้ำลายออกมาเป็นเลือด

สามีภรรยาคู่หนึ่งพาลูกชายวัย 5 เดือนมาที่ห้องฉุกเฉิน เมื่อเขาบ้วนเลือดออกมาหลังจากให้นม พวกเขากลัวว่าลูกจะมีปฏิกิริยาไม่ดีต่อน้ำนมหรือแม้แต่เลือดออกภายใน

แต่การถ่มน้ำลายเป็นเลือดแทบไม่เคยน่าเป็นห่วงในทารกที่ดูเป็นปกติ เลือดพวกนั้นถูกกลืนเข้าปจากอาการเจ็บหัวนมของแม่ หรือเพราะหลอดอาหารฉีกขาดเล็กน้อยที่เกิดจากการถ่มน้ำลายอย่างรุนแรง ไม่มีอาการใดที่ต้องกังวล แม้แต่หลอดอาหารฉีกขาดเล็กน้อยก็สามารถรักษาได้ง่าย

เมื่อใดควรกังวลเกี่ยวกับการถุยน้ำลายเป็นเลือด

หากทารกของคุณมีอาการไม่สบาย อาเจียนเป็นเลือดจำนวนมาก มีเลือดออกหลังจากให้นมผสม หรืออาเจียนออกมา ให้ไปพบแพทย์ทันที

5. ผิวสีส้ม-แดง

พ่อแม่มือใหม่พาเด็กอายุ 10 เดือนมาที่ห้องฉุกเฉินเพราะผิวของลูกเปลี่ยนเป็นสีส้ม เธอมีอาการตัวเหลืองตั้งแต่แรกเกิด และพ่อแม่ได้รับคำสั่งให้กลับมาถ้าผิวของเธอกลายเป็นสีเหลืองอีกครั้ง แต่แพทย์รู้ว่าทารกคนนี้ไม่ได้เป็นโรคดีซ่านเพราะตาของเธอยังขาวอยู่และผิวของเธอเป็นสีส้ม ไม่ใช่สีเหลือง นี่เป็นปรากฏการณ์ทั่วไปที่เรียกว่า Carotenemia ซึ่งเกิดจากการรับประทานผักที่อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีนเป็นจำนวนมาก ทารกชอบรสหวานของอาหารที่อุดมด้วยแคโรทีน เช่น มันเทศและแครอท และอาหารแข็งแรก ๆ ที่ทารกมักจะได้รับที่ไม่ใช่ส้มก็มีเบตาแคโรทีนสูงเช่นกัน ซึ่งคุณไม่สามารถมองเห็นได้ในผักอย่างผักโขมและบร็อคโคลี่ เพราะสีเขียวของคลอโรฟิลล์ปกคลุมอยู่

Carotenemia ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใหญ่ เกิดขึ้นเนื่องจากวิธีการผลิตอาหารสำหรับทารก การปรุงอาหาร การบดผักอย่างละเอียดมาก จะทำให้เส้นใยพืชเปิดออกมากกว่าที่การบดเคี้ยวของฟันจะทำได้ ทำให้ลำไส้ของทารกดูดซึมแคโรทีนได้มากขึ้น ดังนั้น เมื่อทารกกินแคโรทีนมากเกินความจำเป็น สารที่มากเกินไปจะถูกขับออกด้วยเหงื่อและทำให้เกิดคราบบนผิวหนัง ที่จริงแล้ว ที่แรกที่คุณเห็นสีส้มคือที่ที่ทารกมีต่อมเหงื่อมากที่สุด เช่น จมูก ฝ่ามือ และฝ่าเท้า

เมื่อใดควรกังวลเกี่ยวกับผิวสีส้ม

ตามตรงก็คือไม่ต้องเลย มื่ออาหารของทารกเปลี่ยนไป สีส้มก็จะจางลง หากคุณยังคงเสิร์ฟอาหารที่อุดมด้วยเบตาแคโรทีนจำนวนมาก ผิวของเด็กจะยังคงเป็นสีส้ม แต่ไม่เป็นอันตราย

การหายใจเป็นช่วง ๆ ของทารกนั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติ
6. การหายใจผิดปกติเล็กน้อยในทารก

คุณยายของเด็กได้โทรเรียกรถพยาบาลหลังจากที่หลานสาววัย 3 สัปดาห์ของเธอหยุดหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทารกที่นอนหลับเป็นอย่างดีจะหายใจอย่างรวดเร็วเป็นเวลาประมาณ 20 วินาทีแล้วหยุดหายใจโดยสิ้นเชิง คุณยายคนนั้นกลัวว่าทารกจะได้รับภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับจากฝั่งสามีของเธอ

แม้ว่าการหายใจที่มีลักษณะเป็นช่วง ๆ นี้อาจดูน่ากลัว แต่มันเป็นเรื่องปกติ โดยปกติ ทารกจะหายใจเร็วกว่าเด็กโตเพราะปอดมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับขนาดร่างกาย อย่างไรก็ตาม นักวิจัยสงสัยว่าสาเหตุของการหายใจไม่ปกติก็คือเซ็นเซอร์เคมีที่ตรวจจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ยังไม่พัฒนาเต็มที่ในเด็กแรกเกิด ซึ่งหมายความว่าบางครั้งทารกไม่รู้ว่าจำเป็นต้องหายใจ และจะหยุดจนกว่าระดับคาร์บอนไดออกไซด์จะสูงพอที่จะกระตุ้นเซ็นเซอร์เหล่านี้

เมื่อใดควรกังวลเกี่ยวกับการหายใจผิดปกติในทารก

หากลูกน้อยของคุณมีสีฟ้าหรือสีเทารอบปาก หรือดูเหมือนหายใจลำบาก ให้ติดต่อแพทย์ของคุณทันที

ควรรู้ไว้ว่าท่านอนราบของเด็กทำให้ยากต่อการขับถ่าย
7. อาการท้องผูก

แม่คนหนึ่งพาลูกสาววัย 2 เดือนเข้าห้องฉุกเฉินเพราะลูกไม่ได้ถ่ายอุจจาระมา 5 วัน เด็กจะหงุดหงิด หน้าแดง และท้องของเธอก็แข็งขึ้น แต่จะมีอุจจาระออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

การเห็นทารกแรกเกิดของคุณลำบากในการถ่ายอุจจาระอาจเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากใจ แต่จำไว้ว่าพวกเขากำลังนอนราบอยู่ ซึ่งทำให้ยากต่อการถ่ายอุจจาระ ด็กทารกยังไม่ทราบวิธีควบคุมและประสานกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักของพวกเขาซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่เก็บอุจจาระไว้ในทวารหนัก พวกเขาต้องเบ่งและทำเสียงคล้ายคำรามเพื่อให้อุจจาระผ่านกล้ามเนื้อนี้ออกมา

มันไม่เป็นไรเลยหากลูกของคุณอึไม่ได้บ่อยไปกว่าสัปดาห์ละครั้ง เมื่อลำไส้มีประสิทธิภาพและย่อยอาหารได้ดีขึ้น หลังจาก 6-8 สัปดาห์ ร่างกายจึงต้องใช้เวลาในการผลิตอึมากขึ้น

เมื่อใดควรกังวลเกี่ยวกับอาการท้องผูกของทารก

ปรึกษาแพทย์หากอุจจาระของทารกแข็งหรือดูเหมือนเป็นเม็ด (มีอาการท้องผูก) หรือหากลูกไม่อึทุกวันในช่วงเดือนแรกของชีวิต มันสามารถส่งสัญญาณถึงปัญหาที่เกิดขึ้นได้ยากกับเส้นประสาทที่ควบคุมไส้ตรง

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th