เคล็ดลับ “เลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ” เลือกยังไงให้ได้ของดีและโดนใจ
ช่วงนี้ PM 2.5 กลับมาเยือนกทม.กันอีกแล้ว ไม่มีทีท่าว่าจะหมดไปง่าย ๆ วันนี้ Motherhood เลยจะมาแนะนำเคล็ดลับเพื่อ “เลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ” กันค่ะ สำหรับบ้านไหนที่ยังไม่เคยมีเครื่องฟอกอากาศไว้ใช้งานมาก่อน บางคนอาจจะรู้สึกว่าการจะมีเครื่องฟอกอากาศไว้ใช้สักเครื่องทำไมมันมีข้อมูลเยอะจัง รู้สึกยุ่งยากไปหมด มาเรียนรู้ไปด้วยกันค่ะว่ามีปัจจัยอะไรที่ใช้พิจารณาในการเลือกซื้อบ้าง
เครื่องฟอกอากาศ (Air purifier) เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยกำจัดฝุ่นหรือสิ่งแปลกปลอมในอากาศ ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย เชื้อไวรัส รวมถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ เครื่องฟอกอากาศจึงเหมาะสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ การทำงานของมันใช้หลักการเดียวกับพัดลม โดยมันจะดูดอากาศเข้าไปในตัวเครื่อง ให้อากาศที่ถูกดูดเข้าไปนั้นผ่านระบบกรองอากาศที่มีในตัวเครื่อง ก่อนที่จะปล่อยอากาศกลับออกมาด้านนอก ซึ่งระบบเครื่องฟอกอากาศที่นิยมใช้กันคือเครื่องฟอกอากาศแบบที่มีแผ่นกรองอากาศเป็นตัวกรอง และมีให้เลือกหลายราคา หลายขนาด หลายแบรนด์ ด้วยกันในท้องตลาด
เครื่องฟอกอากาศจำเป็นกับเราแค่ไหน ?
โดยปกติแล้ว หากอากาศไม่ได้อยู่ในสภาพที่เลวร้าย ไม่มีฝุ่นละอองในปริมาณสูง เครื่องฟอกอากาศก็ไม่ได้มีความจำเป็นมากนัก แต่สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ เครื่องฟอกอากาศก็ถือว่ามีความจำเป็นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 กำลังแพร่ไปทั่วในทุกหัวเมืองใหญ่เช่นนี้
ข้อดีของเครื่องฟอกอากาศ
- ช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและโรคทางเดินหายใจที่มีสาเหตุจากฝุ่น เชื้อแบคทีเรีย เพราะเครื่องฟอกอากาศจะช่วยกรองให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้น
- ช่วยให้อาการภูมิแพ้บรรเทาลงไปได้ และยังช่วยให้อาการคัดจมูกจากไข้หวัดดีขึ้นด้วย
- ช่วยให้การนอนหลับดีขึ้น หลับได้สนิท
ข้อเสียของเครื่องฟอกอากาศ
- เครื่องฟอกอากาศไม่ได้มีหน้าที่กำจัดฝุ่นละออง มันเพียงแค่กรองให้อากาศสะอาดขึ้น ดังนั้น ฝุ่นละอองต่าง ๆ จะยังคงอยู่
- ไม่ได้ทำให้อาการภูมิแพ้หายขาด แค่บรรเทาลงบ้าง
วิธีเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ
การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศดี ๆ สักเครื่อง เราก็ต้องพิจารณาหลายส่วนประกอบกัน จากนั้นเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย โดยมีแนวทางการเลือกซื้อ ดังนี้
1. เลือกให้เหมาะสมกับขนาดห้อง
ก่อนจะซื้อเครื่องฟอกอากาศ เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะนำเครื่องตัวนี้ไปวางไว้ในห้องใดของบ้าน และห้องนั้นมีขนาดกี่ตารางเมตร ถ้าจะพูดว่ามีหลักการเบื้องต้นคล้ายกับการเลือกเครื่องปรับอากาศก็คงไม่ผิดนัก ควรเลือกขนาดการรองรับที่ใหญ่กว่าขนาดห้องเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีมากขึ้น เช่น ถ้าห้องมีขนาด 20 ตารางเมตร ก็ควรเลือกรุ่นที่รองรับห้องที่ขนาด 20-25 ตารางเมตรขึ้นไป วิธีการก็คือวัดขนาดกว้างยาวของห้อง แล้วดูค่าเปลี่ยนถ่ายอากาศทุกชั่วโมงของเครื่องฟอกอากาศรุ่นที่สนใจว่าค่าคือเท่าใด
2. เปรียบเทียบความเร็วในการฟอกอากาศ
ปัจจัยสำคัญของการพิจารณาเลือกเครื่องฟอกอากาศคือการดูอัตราเปลี่ยนถ่ายอากาศที่เครื่องสามารถเปลี่ยนถ่ายได้ใน 1 นาที หรือที่เรียกว่าค่า CADR (Clean air delivery rate) ยิ่งมีตัวเลขสูงยิ่งฟอกอากาศได้ดี โดยปกติจะแสดงผลของค่านี้เป็นตัวเลข 3 ตัวเลข คืออัตราทำความสะอาดอากาศที่มีฝุ่นละออง อากาศที่มีเกสรดอกไม้ และอากาศที่มีควันบุหรี่
จากนั้นก็พิจารณาค่า Air flow หรือค่าความเร็วลม เป็นค่าที่บอกว่าเครื่องสามารถกรองอากาศและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ได้เร็วแค่ไหน ยิ่งมีตัวเลขสูงยิ่งฟอกอากาศได้เร็ว เพราะเมื่อมีสิ่งสกปรกเข้าไปอัดแน่นในตัวเครื่องเป็นจำนวนมาก เครื่องฟอกอากาศจะต้องทำความสะอาดภายในด้วยตัวมันเอง และเราจะนำค่า 2 ส่วนนี้มาเปรียบเทียบรุ่นที่สนใจ
3. เลือกไส้กรองให้ตรงความต้องการ
หัวใจหลักของเครื่องฟอกอากาศอยู่ที่ไส้กรอง นอกจากแผ่นกรองอากาศขั้นแรกแล้ว ยังมีแผ่นกรองอากาศพิเศษที่ใส่เพิ่มเข้ามาเพื่อให้เครื่องสามารถกรองฝุ่นได้ดียิ่งขึ้น ประเภทของแผ่นกรองที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- แผ่นกรองอากาศ HEPA (High efficiency particulate air) เป็นแผ่นกรองที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กมาก ๆ ได้ จึงควรเลือกรุ่นที่มีแผ่น HEPA
- แผ่นกรองคาร์บอน (Carbon filter) เป็นแผ่นกรองที่สามารถกรองกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นควันบุหรี่ กลิ่นอาหาร กลิ่นสี หรือกลิ่นน้ำยาเคมีต่าง ๆ ได้ สำหรับห้องที่มีการรับประทานอาหาร ก็ควรเลือกที่มีแผ่นกรองชนิดนี้
- แผ่นกรองอากาศแบบออลอินวัน (All-in-/one air filter) เป็นแผ่นกรองอากาศแบบรวมแผ่นกรองหลาย ๆ แบบมาใส่ในชุดเดียวกัน พบได้ในเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก แต่มีอายุการใช้งานจำกัด ไม่สามารถนำมาทำความสะอาดได้ ต้องเปลี่ยนทิ้งอย่างเดียว
- แผ่นกรองอากาศชนิดพิเศษ ยังมีแผ่นกรองอากาศแบบพิเศษต่าง ๆ เช่น แผ่นกรองสารก่อภูมิแพ้ (Allergen filter) ที่สามารถกรองเชื้อโรคอย่างละอองเกสรดอกไม้หรือไรฝุ่น แผ่นกรองสารเคมี (Photocatalyst filter) ที่ช่วยกรองพวกสารเคมี จึงเหมาะกับการใช้ในโรงงาน
4. ฟังก์ชั่นการใช้งาน
นอกจากฟังก์ชั่นการฟอกอากาศแล้ว ในเครื่องฟอกอากาศก็ยังมีฟังก์ชั่นอื่น ๆ ติดมาด้วย ขึ้นอยู่กับแต่ละบ้านว่าต้องการให้เครื่องมอบความสะดวกสบายแก่เราในระดับไหน แต่เราควรเลือกเฉพาะฟังก์ชั่นที่จำเป็นจริง ๆ ก็พอ เพราะรุ่นที่ใส่ฟังก์ชั่นมาให้มากก็จะมีราคาแพงขึ้นนั่นเอง
ฟังก์ชั่นที่เราพบเห็นได้ทั่วไปในเครื่องฟอกอากาศ ได้แก่
- ฟังก์ชั่นเพิ่มความชื้นในอากาศ (Humidification) เมื่อเราอยู่ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ ผิวเราจะแห้ง ซึ่งฟังก์ชั่นนี้จะช่วยเติมความชื้นให้กับผิว แต่ก็ต้องหมั่นเติมน้ำในเครื่องบ่อย ๆ อาจจะเป็นการยุ่งยากได้
- ฟังก์ชั่นการดักยุง (Mosquito Catching) เป็นการนำฟังก์ชั่นของเครื่องดักยุงมารวมกับเครื่องฟอกอากาศ
- ฟังก์ชั่นการฆ่าเชื้อโรค เหมาะสมมากสำหรับคนที่ต้องการห้องที่สะอาด เพราะมีระบบ UV Light ที่ใช้แสงยูวี และระบบ Ozone generator ที่ทำการสร้างโอโซนจากการปล่อยกระแสไฟฟ้าเพื่อฆ่าเชื้อโรค
- ฟังก์ชั่นอัตโนมัติต่าง ๆ เป็นระบบที่สามารถปรับระดับความเบา/ความแรงของเครื่องฟอกอากาศได้เองโดยอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นป้องกันเด็ก รวมทั้งควรมีฟังก์ชั่นการตั้งเวลาเปิด-ปิด เพื่อให้เครื่องสามารถหยุดการทำงานได้ในเวลาที่เราต้องการ
5. ระดับเสียงระหว่างการใช้งาน
เครื่องฟอกอากาศที่ดีควรมีระดับเสียงต่ำขณะทำงาน เพราะคนที่เป็นภูมิแพ้มักจะเปิดใช้เครื่องขณะนอนหลับ จึงควรเลือกระดับเสียงในการทำงานที่มีค่าประมาณ 30-31 เดซิเบล สำหรับผู้ที่ไม่เน้นใช้งานระหว่างนอนหลับ ก็ไม่จำเป็นต้องพิจารณาในข้อนี้มากนัก
6. การบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายระยายาว
ส่วนประกอบของเครื่องฟอกอากาศที่ส่งผลต่อค่าไฟคือแผ่นกรอง ถ้าแผ่นกรองหนาแน่นมากอากาศจะผ่านได้น้อย ก็ยิ่งทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานหนัก และกินไฟ ดังนั้น ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองแบบที่อากาศไหลผ่านได้ดี
นอกจากนี้ ไส้กรองอากาศและอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็มีอายุการใช้งานของมัน ซึ่งเราจะต้องเปลี่ยนเมื่อถึงเวลา โดยไส้กรองจะต้องเปลี่ยนทุก ๆ 6 เดือน ถึง 1 ปี ดังนั้น จึงควรคำนวณค่าใช้จ่ายตรงนี้เผื่อไว้ด้วย
การดูแลหลังการขายก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน หากเครื่องเสียจะส่งไปซ่อมได้ที่ไหน มีศูนย์บริการครอบคลุมหรือไม่ หรือหากต้องเปลี่ยนอะไหล่เราจะหาซื้อมาเปลี่ยนได้ที่ไหน
หวังว่าทุก ๆ ครอบครัวจะสามารถนำเอาความรู้นี้ไปใช้เลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมกับความต้องการได้นะคะ ในยุคนี้การลงทุนกับเรื่องสุขภาพกลายเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย และเราสามารถดูแลสุขภาพลูกรักของเราให้ดีขึ้นได้ด้วยตัวช่วยเหล่านี้ค่ะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th