ไวรัส RSV กระจายทั่วขอนแก่น เด็กติดแล้วกว่า 400 คน
ในช่วงนี้ “ไวรัส RSV” เริ่มกลับมาระบาดให้เป็นที่น่าหนักใจของพ่อแม่ผู้ปกครองกันอีกแล้วนะคะ ล่าสุดที่จังหวัดขอนแก่นพบเด็กติดเชื้อไวรัสนี้แล้วมากกว่า 400 ราย ทางสสจ. ขอนแก่นจึงแนะนำให้พ่อแม่หยุดพาเด็กออกนอกบ้านไปในที่พลุกพล่านแล้วค่ะ
จากข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 พบว่า มีเด็กเล็กใน จ.ขอนแก่น ป่วยติดเชื้อ RSV แล้วกว่า 400 ราย ก่อนหน้านี้ทางรพ.ราชพฤกษ์ขอนแก่น จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่ามีผู้ปกครองพาบุตรหลานมาเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจอาการไข้ และสงสัยว่าติดเชื้อไวรัส RSV ไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ เด็กที่ติดโรค RSV มีตั้งแต่ที่แสดงอาการไม่มากนัก ไปจนถึงอาการหอบ บางคนถึงขั้นต้องรักษาตัวใน ICU
เนื่องจากโรค RSV เป็นโรคไวรัส การให้ยาฆ่าเชื้อเฉพาะจึงไม่มี ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาตามอาการเท่านั้น แต่ก็สามารถรักษาได้ โดยจะเน้นไปที่การเช็ดตัวเพื่อลดไข้ ไม่ให้เด็กถูกอากาศเย็น ดื่มน้ำบ่อย ๆ รับประทานยาแก้แพ้ และยาละลายเสมหะ
เด็กที่ป่วยไม่ควรไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ควรล็อกดาวน์เด็กเหมือนเป็น Covid-19 เลยยิ่งดี เพราะ RSV ในเด็กไม่ต่างอะไรกับการเป็นโรคโควิด-19 แต่ RSV นั้นไม่ค่อยมีผลกับผู้ใหญ่ แพทย์ก็สามารถดูแลเด็ก ๆ ได้ปกติ แต่การแพร่กระจายของ RSV มีทั้งทางเดินหายใจ การไอ การจาม และทางการสัมผัสด้วย เด็ก ๆ จึงติดต่อกันง่าย หากพบว่าลูกน้อยไม่สบาย ควรให้เขาหยุดอยู่กับบ้าน ไม่ควรที่จะไปโรงเรียนหรือพาไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ โดยที่เด็กที่มีอาการน้อยก็ยังสามารถจะแพร่กระจายเชื้อไวรัสนี้ให้กับเด็กเล็กได้ โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่อายุไม่ถึง 2 ปี และเป็นเด็กที่ไปโรงเรียนหรือศูนย์รับเลี้ยงเด็ก มีเด็กหลายรายที่อายุยังไม่ถึงเดือนก็ติด RSV แล้ว ซึ่งอาจมีอาการรุนแรงได้
ไวรัส RSV คืออะไร ?
มันคือเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Respiratory Syncytial Virus เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ มันส่งผลให้ร่างกายผลิตสารคัดหลั่งจำนวนมาก เช่น เสมหะ ซึ่งไวรัสตัวนี้แพร่กระจายผ่านทางการไอหรือจาม ผู้ป่วยจะมีอาการเบื้องต้นคล้ายเป็นหวัด คือ ปวดศีรษะ มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล แม้ว่าคนทุกเพศทุกวัยสามารถติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ แต่โรคนี้พบได้มากกว่าในเด็กและทารก ซึ่งเป็นวัยที่มักเกิดอาการรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนได้
อาการของโรค
ผู้ป่วยจะแสดงอาการให้เห็นได้หลังสัมผัสกับเชื้อไวรัสในระยะเวลา 4-6 วัน ผู้ใหญ่หรือเด็กโตมักพบอาการคล้ายเป็นไข้หวัด ได้แก่ คัดจมูก มีน้ำมูก มีไข้ต่ำ ปวดศีรษะ ไอแห้ง เจ็บคอ โรค RSV นั้นสามารถพัฒนาไปสู่โรคขั้นรุนแรงได้ โดยจะส่งผลให้เกิดปัญหาในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง
อาการของการติดเชื้อไวรัส RSV ในเด็กโตและผู้ใหญ่จะดีขึ้นหลังได้รับการรักษาเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ แต่ในเด็กเล็กและเด็กทารก หลังสัมผัสกับเชื้อไวรัสในช่วง 2-8 วัน อาจเกิดอาการที่รุนแรงกว่ามาก โดยมักพบอาการ ดังนี้
- หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด
- หายใจเร็วกว่าปกติ
- จาม ไอ มีไข้ น้ำมูกไหล
- เบื่ออาหาร
- หงุดหงิดง่าย เซื่องซึม
หากพบว่าลูกน้อยมีอาการดังนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน
- ไอและมีเสมหะออกมาเป็นสีเทา สีเขียว หรือสีเหลือง
- มีน้ำมูกเหนียวข้น ทำให้หายใจลำบาก
- ปากหรือปลายนิ้วเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวคล้ำ เพราะขาดอ็อกซิเจน
- ประสบภาวะขาดน้ำ
- เด็กทารกมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส เซื่องซึม เบื่ออาหาร หรือมีผื่นขึ้น
สาเหตุของการติดเชื้อ
สาเหตุหลักเกิดจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อ จากนั้นเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางตา จมูก ปาก หรือสัมผัสเชื้อโดยตรงจากการจับมือกับผู้ที่มีเชื้ออยู่ก่อนแล้ว ในประเทศไทย เชื้อไวรัส RSV มักพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว และไวรัสจะมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยอาศัยอยู่บนพื้นผิวของวัตถุต่าง ๆ
วิธีการรักษา
ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาตามอาการเท่านั้น โดยการประคับประคองให้เด็กหายใจได้ดีขึ้น แต่ในกรณีที่เด็กมีอาการรุนแรงก็จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาที่โรงพยาบาล และแพทย์อาจใช้วิธีการรักษารูปแบบอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนี้
- รับประทานยาปฏิชีวนะ ในกรณีที่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากแบคทีเรีย เช่น อาการปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรีย
- ใช้ยาพ่นขยายหลอดลม เพื่อบรรเทาอาการหายใจมีเสียงหวีด
- ดูดเสมหะเมื่อมีเสมหะข้นเหนียวจำนวนมาก เพื่อทำให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น
- ใช้ยาเอพิเนฟริน (Epinephrine) เพื่อขยายหลอดลม และลดอาการบวมของทางเดินหายใจ
- ให้ออกซิเจนหรือใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจอื่น ๆ หากพบว่ามีภาวะออกซิเจนต่ำหรือระบบหายใจล้มเหลว
จะป้องกันให้ลูกได้อย่างไร ?
ปัจจุบันเรายังไม่มีวัคซีนที่จะป้องกันโรคนี้ได้ เหล่านี้คือแนวทางปฏิบัติที่คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายของเชื้อไปสู่ลูกน้อยได้
- ล้างมือบ่อย ๆ อย่างถูกวิธี ทั้งก่อนกินอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
- ไม่ควรใช้แก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น
- ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ เพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อ
- ทำความสะอาดของเล่นเด็กเป็นประจำ
- สอนลูกไม่ให้คนแปลกหน้าเข้ามาใกล้ หรือมากอดและหอมแก้ม
ยุคนี้มีทั้ง Covid-19 และทั้งโรค RSV ที่มาเป็นประจำในช่วงหน้าฝน ไม่ว่ายังไงแล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องห่วงเรื่องสุขภาพของลูกน้อยมาเป็นอันดับหนึ่งเลยนะคะ สอนเขาเรื่องการล้างมืออย่างถูกวิธี มีสเปรย์หรือเจลฆ่าเชื้อให้ลูกพกติดตัวไว้ และให้เขาสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้านค่ะ
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th