Site icon Motherhood.co.th Blog

Bradley method คืออะไร ? ควรลองมั้ย ?

Bradley method คืออะไร

พาคุณไปทำความรู้จักกับวิธีช่วยคลอดอย่าง Bradley method

Bradley method คืออะไร ? ควรลองมั้ย ?

“Bradley method” เป็นเทคนิคการคลอดที่ส่งเสริมให้แม่ได้คลอดบุตรแบบไม่ต้องใช้ยาและยาสลบ ก่อตั้งโดย Robert Bradley สูติแพทย์ชาวอเมริกันในช่วงปลายทศวรรษที่ 1940 โดยขั้นตอนต่าง ๆ จะถูกปรับให้เข้ากับร่างกายตลอดการตั้งครรภ์ การเจ็บครรภ์ และการคลอด Motherhood อยากให้คุณเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคนี้ เพื่อที่คุณจะได้ติดสินใจว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะเข้าร่วมคลาสเรียนที่มีระยะเวลา 12 สัปดาห์ ซึ่งเน้นไปที่โภชนาการที่ดี การออกกำลังกายก่อนคลอด การศึกษาหาข้อมูล และการพักผ่อน

Bradley Method คืออะไร?

หากคุณรู้สึกว่าคุณต้องการมีประสบการณ์การคลอดบุตรโดยไม่ต้องใช้ยาคุณอาจพิจารณาวิธีนี้ ตามที่เว็บไซต์การฝึก BradleyBirth.com ระบุไว้ว่า คู่รักได้รับการสอนว่าพวกเขาสามารถทำงานร่วมกับร่างกายเพื่อลดความเจ็บปวด และพวกเขาจะทำให้การคลอดพวกเขามีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร หลักสูตรนี้จะสอนการหายใจในช่องท้อง วิธีผ่อนคลาย การนวด และวิธีอื่น ๆ อีกมากมาย ในการเพิ่มการรับรู้ตนเองและจัดการกับอาการเจ็บครรภ์ ในเว็บไซต์ยังอ้างว่า 86% ของคู่สามีภรรยาได้รับการฝึกฝนและมีมากกว่า 1 ล้านคู่ ที่คลอดบุตรโดยไม่ได้ใช้ยา

การคลอดไม่จำเป็นต้องมีการแทรกแซงหรือการใช้ยาเสมอไป

ผู้สนับสนุนวิธีนี้เชื่อว่าผู้หญิงส่วนใหญ่สามารถคลอดบุตรได้โดยไม่ต้องมีการแทรกแซง เว้นแต่จะมีความจำเป็นทางการแพทย์ ตราบเท่าที่พวกเขาสบายใจ มั่นใจ และเตรียมพร้อมมาอย่างดี คู่รักหลายคู่ที่เลือกวิธีนี้ยังขอความช่วยเหลือจากดูลา เพื่อมาช่วยในการคลอด รวมทั้งมีแพทย์หรือพยาบาลผดุงครรภ์ในกรณีฉุกเฉิน

ที่มาของวิธีการ

หมอ Bradley เติบโตในฟาร์มที่พบเห็นสัตว์คลอดลูกเป็นประจำ ต่อมาเมื่อเขากลายเป็นหมอและเริ่มเห็นว่ามนุษย์ให้กำเนิดอย่างไรเขาก็ประหลาดใจ สัตว์ที่เขาเห็นตอนมันคลอดลูกดูสงบและดูเหมือนจะไม่ทุกข์ทรมานใด ๆ เลย ในทางตรงกันข้าม ผู้หญิงที่เขาเห็นว่ากำลังคลอดบุตรดูเหมือนจะเจ็บปวดอย่างมาก เขาเริ่มสงสัยว่าทำไมการเกิดของสัตว์ถึงแตกต่างจากการเกิดของมนุษย์ได้ขนาดนั้น

ในสมัยของเขา การคลอดบุตรได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากปัจจุบันมาก เขาเรียกมันว่าวิธี “ดึงมันออก ลากมันออกมา” ผู้หญิงจะได้รับยาที่รุนแรง ซึ่งทำให้เกิดความตื่นตระหนกหรือความสับสนเพิ่มขึ้น หรือแม้กระทั่งทำให้พวกเขาหมดสติไป

ซึ่งหมายความว่าผู้หญิงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ในระหว่างคลอด และแน่นอนว่าพวกเธอไม่สามารถผลักดันทารกออกไปได้เอง แผลที่ฝีเย็บและความทรมานจากการใช้คีมเพื่อช่วยคลอดนั้นเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไป คุณแม่หลายคนจำการเกิดของลูกน้อยไม่ได้ด้วยซ้ำ น่าเศร้าที่การเสียชีวิตของมารดาและทารกเป็นเรื่องปกติในสมัยนั้น

หมอ Bradley สังเกตว่าการเกิดของสัตว์แทบไม่ต้องอาศัยการแทรกแซง ในโรงพยาบาล แม้ว่าการแทรกแซงของแพทย์ระหว่างการคลอดจะถือเป็นกฎ เขาได้ทำการศึกษาว่าสัตว์ชนิดใดที่ดูเหมือนจะทำการคลอดโดยสัญชาตญาณ และพยายามใช้หลักการเดียวกันกับเทคนิคที่มนุษย์สามารถใช้ได้ในระหว่างการคลอด

วิธีการทำงานของ Bradley method

หมอ Robert Bradley ชื่อว่ามีการให้กำเนิดเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ต้องการการแทรกแซงทางการแพทย์ เขาเชื่อว่าผู้หญิงส่วนใหญ่สามารถคลอดบุตรได้โดยไม่ต้องใช้ยาหรือการแทรกแซงใด และบทบาทของแพทย์คือต้องมีอยู่ในกรณีฉุกเฉินที่พบได้ยากเท่านั้น

นอกจากนี้เขายังเชื่อว่าแม่ควรให้ลูกเข้าเต้าทันทีหลังคลอดเพื่อให้นมแม่ และทำให้แม่กับลูกผูกพันกันได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้เขายังยืนยันด้วยว่าแม่ที่คลอดโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนควรที่จะกลับบ้านได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการคลอด

ตามวิธีการของเขา เพื่อให้มีการคลอดที่ปราศจากการแทรกแซง แม่ต้องการสิ่งต่าง ๆ ในสถานที่ ดังนี้

แสงมืดหรือสลัว

แตกต่างจากแสงไฟในโรงพยาบาลส่วนใหญ่ หมอ Bradley รู้สึกว่าแม่ที่ตรากตรำกับการคลอดต้องการแสงสลัวเพื่อให้พวกเธอคลอดในสภาพที่ผ่อนคลาย

ความสันโดษ

นี่ไม่ได้แปลว่าทิ้งผู้หญิงให้อยู่คนเดียว แต่การมีคนมุงดูจำนวนมากก็ไม่เป็นประโยชน์เลย ญาติห่าง ๆ เช่น แม่สามีหรือครอบครัวขยายอาจไม่ใช่แขกที่ดีที่สุดสำหรับห้องคลอด ควรมีเฉพาะคนที่ต้องอยู่ด้วยเท่านั้น ซึ่งนั่นก็คือบุคคลหรือผู้ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดกับแม่

บรรยากาศที่สบายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการคลอด

ความสบายใจ

หมอ Bradley ย้ำว่าคุณแม่ควรสบายตัวเต็มที่เพื่อที่จะได้มีสมาธิกับการคลอดและผ่อนคลาย นั่นหมายความว่าถ้าแม่มีอาการเท้าเย็นควรให้ใครสักคนเอาถุงเท้าไปให้ ถ้าแม่อารมณ์ร้อนควรมีใครหาพัดมาให้ แนวคิดก็คือแม่ไม่ควรทำงานหนักในการรับมือกับความเครียดอื่นใดนอกเหนือจากที่จำเป็นสำหรับกระบวนการคลอดบุตรแล้ว

ความคุ้นเคย

การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แปลกออกไปอาจทำให้การคลอดหยุดชะงักและเพิ่มความรู้สึกวิตกกังวล สำหรับการคลอดในโรงพยาบาล นั่นหมายความว่าแนะนำให้คุณเข้าเยี่ยมชมสถานที่อย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนการคลอดจริง

ความรู้สึกปลอดภัย

คุณแม่ต้องรู้สึกปลอดภัยเพื่อผ่อนคลายในกระบวนการคลอด บทบาทของโค้ชเป็นสิ่งสำคัญมากในจุดนี้ การที่รู้ว่ามีใครสักคนคอยคุ้มกันและตอบสนองความต้องการของแม่ที่เผชิญกับการคลอดจะช่วยสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับแม่

ความมั่นใจ

แม่ต้องเชื่อว่าร่างกายของเธอสามารถให้กำเนิดทารกได้ และเธอสามารถทำได้โดยไม่ต้องมีการแทรกแซงหรือใช้ยา การขัดเกลาทางสังคมที่คิดว่าผู้หญิง “ไม่สามารถทนต่อการคลอดได้” โดยไม่ใช้ยา เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ทำให้ผู้หญิงเชื่อว่าตัวเองทำมันได้ยากขึ้น

การผ่อนคลายทางกายภาพ

การผ่อนคลายทางกายภาพเป็นกุญแจสำคัญในวิธีการคลอด คุณแม่ควรอยู่ในท่าที่ช่วยให้เธอผ่อนคลายทั้งร่างกายได้อย่างสมบูรณ์ ความตึงเครียดทำให้อาการเจ็บครรภ์รู้สึกแย่ลง

ควบคุมการหายใจ

การหายใจตามธรรมชาติ (แต่มีการควบคุม) ดีที่สุดสำหรับแม่ที่กำลังคลอด การหายใจที่คล้ายกับการหายใจขณะหลับเป็นอุดมคติ วิธีการคลอดบางวิธีส่งเสริมให้เน้นรูปแบบการหายใจเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากการเจ็บครรภ์ แม่ที่ทำงานหนักไม่จำเป็นต้องเสียสมาธิจากกระบวนการนี้ แต่เธอต้องมีอิสระที่จะโฟกัสกับตัวเอง การหายใจที่สงบช่วยให้เธอทำสิ่งนี้ได้

การพักผ่อนให้เหมือนนอนหลับ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการคลอดนั้นรุนแรง คุณแม่ที่ใช้วิธีนี้อาจดูเหมือนว่ากำลังนอนหลับ ในความเป็นจริงแม่ไม่ได้นอนหลับ แต่เธอกำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับตัวเอง และคงไว้ซึ่งความสงบและผ่อนคลาย คุณไม่สามารถหลับตาได้อย่างอิสระหากรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือไม่ได้รับการดูแล นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมบุคลากรที่สนับสนุนการคลอดถึงสำคัญ

คลาสเรียนแบ่งออกเป็น 12 สัปดาห์

สิ่งที่คาดหวังได้จากคลาส

หลักสูตรนี้มีทั้งหมด 12 สัปดาห์โดยมีหน่วยการเรียนการสอน 12 หน่วย ผู้เข้าร่วมจะได้รับความสนใจจากผู้สอนเป็นรายบุคคล เนื่องจากชั้นเรียนรับคู่รักเพียง 3-6 คู่เท่านั้น สิ่งนี้ช่วยให้ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของคุณ และทำให้คู่รักมีพื้นที่มากมายในการฝึกฝนเทคนิคต่างๆ โดยที่นักเรียนจะได้รับสมุดคู่มือที่มีข้อมูลอันเป็นประโยชน์กว่า 130 หน้า

ในชั้นเรียนจะให้การเรียนรู้ที่ครอบคลุมเกี่ยวกับหลาย ๆ ด้านของการตั้งครรภ์และการคลอด สิ่งที่ถือเป็นไฮไลท์ ได้แก่ โภชนาการและการออกกำลังกายก่อนคลอด อาการการตั้งครรภ์ เทคนิคการคลายตัวระหว่างการเจ็บครรภ์ ระยะของการคลอด ภาวะแทรกซ้อนในการคลอด การดูแลหลังคลอด การให้นมบุตร และอื่น ๆ โค้ชและวิทยากรรับเชิญล้วนได้รับการอบรมมาเพื่อให้ช่วยผู้เรียนเอาชนะความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการคลอด

เมื่อพิจารณาถึงผู้สอนและชั้นเรียน คุณสามารถขอโครงสร้างหลักสูตรเพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่หลักสูตรครอบคลุมได้ดีขึ้น โดยทั่วไปแล้ว คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับ:

ยังมีวิธีอื่นอีกหรือไม่ ?

หากคุณรู้สึกว่าวิธีนี้ไม่เหมาะกับคุณ ยังคงมีวิธีอื่น ๆ ในการเตรียมการคลอดที่คุณควรพิจารณา เช่น Lamaze (คลาสส่วนตัวอาจแตกต่างจากหลักสูตรในโรงพยาบาล) หรือจะลอง HypnoBirthing ก็ได้เช่นกัน

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th