Site icon Motherhood.co.th Blog

Taare Zameen Par: หนังเกี่ยวกับ Dyslexia ที่คนเป็นพ่อแม่ต้องดู

รีวิวหนัง Taare Zameen Par

Taare Zameen Par หนังที่พ่อแม่ทุกคนควรหามาดู

Taare Zameen Par: หนังเกี่ยวกับ Dyslexia ที่คนเป็นพ่อแม่ต้องดู

“Taare Zameen Par” หนัง Bollywood ที่ว่าด้วยชีวิตของเด็กชายวัย 8 ขวบผู้มีความบกพร่องในการอ่านเขียน ทำให้มีผลการเรียนที่ย่ำแย่ พ่อแม่ก็คิดว่าเป็นเพราะลูกเกเร โง่ และขี้เกียจ แต่ความจริงแล้วเขาเป็นเด็กที่ฉลาด มีไหวพริบ และเป็นอัจฉริยะทางด้านศิลปะ แต่ก็ไม่มีใครรู้ จนกระทั่งเขาได้พบกับครูคนหนึ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล

Ishaan เด็กชายวัย 8 ขวบ เขามีปัญหาในการรับคำสั่งที่ซับซ้อน ไม่สามารถเปิดหนังสือเพื่อหาบทเรียนที่ครูสั่งให้อ่านได้ นอกจากนี้เขาก็อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ พอครูสั่งให้อ่าน เขาก็บอกว่าตัวหนังสือมันเต้น ครูกลับเข้าใจว่าเขากวน จึงด่าและบังคับให้เขาอ่านให้ได้ Ishaan กดดันมาก ไม่รู้จะทำยังไง เลยอ่านออกไปมั่ว ๆ เพื่อนในชั้นพากันหัวเราะ ส่วนครูก็ยิ่งโกรธมาก เลยสั่งทำโทษโดยการให้ออกไปยืนหน้าห้อง ซึ่งสิ่งนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย เป็นภาพที่คุ้นตาของนักเรียนห้องอื่นที่มักจะเห็นเขาโดนทำโทษแบบนี้ แถมนักเรียนพวกนั้นมักจะล้อและแกล้งเขาเป็นประจำ

คืนหนึ่ง Ishaan ขอให้ Yohan พี่ชายช่วยเขียนใบลาป่วยปลอมให้ไปใช้เพื่อโดดเรียน เมื่อความแตก Ishaan ก็สารภาพว่าเขาโดดเรียนไปเดินเล่นในเมืองคนเดียว พ่อแม่โมโหมาก ดุด่าด้วยความเป็นห่วง พ่อแม่จึงไปชี้แจงกับครู ซึ่งเท่ากับเปิดโอกาสให้ครูฟ้องว่า Ishaan เกเร ลายมือแย่มาก สอบตกทุกวิชา จากนั้นครูใหญ่ก็แนะนำว่าเขาน่าจะมีปัญหาเรื่องของสติปัญญา น่าจะส่งเขาไปเรียนที่โรงเรียนสอนเด็กพิเศษ พ่อไม่พอใจที่ครูใหญ่พูดแบบนั้น เขาบอกว่าลูกผมไม่ได้ปัญญาอ่อน แต่เป็นเพราะความเกเรและความขี้เกียจมากกว่า พ่อเลยจะส่งเขาไปโรงเรียนประจำ แต่เขาก็ไม่อยากจากครอบครัว ร้องไห้อ้อนวอนให้พ่อเปลี่ยนใจ แต่ไม่ว่ายังไงพ่อก็ไม่ยอม ส่วน Yohan และแม่ก็สงสารเขามากแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้

ในที่สุดก็ถึงวันที่ต้องไปอยู่โรงเรียนประจำ Ishaan หน้าเศร้า ไม่พูดไม่จา ทำได้แค่ยืนมองพวกเขาขับรถจากไป เมื่อแม่กลับถึงบ้าน เธอก็ไปเห็นสมุดวาดภาพของลูก เป็นภาพของลูกที่ถูกครอบครัวทิ้ง คืนนั้น Ishaan ก็นอนไม่หลับ ได้แต่แอบไปร้องไห้คนเดียว

ในคาบแรก ครูให้เขาไปนั่งหน้าสุดกับ Rashan เด็กที่เก่งที่สุดในห้อง เพราะหวังว่าเขาจะเก่งขึ้นมาบ้าง จากนั้นครูสั่งให้ Rashan อ่านบทกวีและให้ Ishaan บอกความหมาย ในเมื่อไม่ใช่การอ่านเขียน ด้วยความฉลาดของเขา เขาจึงสามารถถอดความหมายได้เป็นอย่างดี แต่ครูกลับบอกว่าผิดเพียงเพราะไม่ตรงกับที่ครูเฉลย ซึ่งมีเพียง Rashan ที่รู้ว่า Ishaan เก่ง เข้าใจบทกวีนี้จริง ๆ ไม่ใช่แค่ท่องจำ เรียนรู้ในกรอบ ตามที่เด็กคนอื่น ๆ เป็น

ในคาบเรียนศิลปะ ครูสอนให้นักเรียนวาดรูปตามแบบที่ตั้งไว้หน้าห้องเท่านั้น ส่วน Ishaan เอาแต่นั่งมองนกผ่านหน้าต่าง จนครูลงโทษที่เอาแต่เหม่อลอยโดยการตีอย่างแรง จนเขาเจ็บและเอาแต่ร้องไห้ ส่วนในวิชาพละ เขาก็ไม่สามารถเดินพาเหรดให้เข้าจังหวะกับคนอื่นได้ จนครูดุด่าและลากเขาออกมาจากแถว วิชาภาษาอังกฤษก็ยิ่งหนัก Ishaan ไม่สามารถอ่านได้ เพราะในสายตาของเขาตัวหนังสือมันแปลก ๆ ทำให้สับสนและงงไปหมด ส่วนวิชาคณิตศาสตร์เขาก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน ทำให้ผลการเรียนย่ำแย่ จนทางโรงเรียนแจ้งผู้ปกครอง Ishaan แทบไม่มีความสุขเลย ยิ่งผ่านไปนานวันก็ยิ่งซึมเศร้า ไม่ยิ้มแย้มร่าเริงเหมือนแต่ก่อน

จนวันหนึ่งมีครูสอนศิลปะคนใหม่มา ครูคนนี้ชื่อ Ram เป็นครูอัตราจ้างที่เคยสอนโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษมาก่อน ครู Ram เปิดตัวมาด้วยการร้องเพลงและเต้นรำกับเด็ก ๆ ซึ่งทำให้เด็ก ๆ ชอบมาก เว้นก็แต่ Ishaan ที่เอาแต่นั่งเศร้า จากนั้นครูก็ให้เด็ก ๆ วาดรูปอะไรก็ได้ ทำให้เด็ก ๆ มีความสุขในการเรียน ที่จะได้วาดรูปอะไรก็ได้ที่พวกเขาอยากวาด ส่วน Ishaan ก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่วาดอะไรเลย ซึ่งครู Ram ก็ไม่ได้บังคับเขา แต่ก็แอบเป็นห่วง

วันหนึ่งครู Ram พบว่า Ishaan มักจะถูกลงโทษให้ออกมายืนหน้าห้องเป็นประจำ ครูพยายามที่จะถามแต่เขาก็ไม่อยากตอบ ครูเลยไปถามเรื่องเขาจาก Rashan แทน Rashan เลยเล่าให้ฟังว่า Ishaan มีปัญหาเรื่องการเรียนและการอ่านเขียน ทำให้โดนครูดุและทำโทษอยู่ทุกวัน แถมเขาเองยังคิดว่าตัวเองโง่เลยโดนพ่อแม่ทำโทษให้มาเรียนที่นี่ จากนั้นครู Ram จึงไปค้นดูสมุดและข้อสอบวิชาต่าง ๆ ของ Ishaan ทำให้ครูรู้ทันทีว่าเขาไม่ได้โง่ ไม่ได้ขี้เกียจ แต่เขามีปัญหาเกี่ยวกับตัวอักษร ครู Ram เข้าใจและรับรู้ได้ว่า Ishaan รู้สึกแย่มากแค่ไหน ถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ เขาจะตกอยู่ในอันตราย ครู Ram จึงตัดสินใจเดินทางไปพบครอบครัวของเขา

เมื่อเดินทางไปถึง เขาก็ได้เห็นผลงานต่าง ๆ ที่ Ishaan ได้สร้างไว้ ทำให้ครูรู้ว่า Ishaan เป็นอัจฉริยะทางด้านศิลปะและมีจินตนาการสูง ครู Ram ถามพ่อว่าทำไมถึงส่งลูกไปโรงเรียนประจำ พ่อก็ตอบว่าเป็นเพราะลูกขี้เกียจ ไม่ตั้งใจเรียน มีผลการเรียนแย่ ไร้วี่แววพัฒนา ครู Ram จึงบอกว่า Ishaan ไม่ได้เป็นแบบนั้น แล้วก็ตำหนิพ่อแม่ที่ไม่ใส่ใจที่จะสังเกตลูกตัวเองว่าจริง ๆ แล้วปัญหาของลูกคืออะไร เขาจึงเอาสมุดมาชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติ ว่า Ishaan มักจะเขียนตัวอักษรสลับซ้ายขวา เช่น b กับ d สลับกัน บางคำก็สลับเหมือนภาพสะท้อนกระจก เป็นสาเหตุให้เขาอ่านเขียนเหมือนคนทั่วไปไม่ได้ การสอนแบบปกติใช้ไม่ได้กับเขา แต่พ่อไม่เชื่อ คิดว่ามันเป็นแค่ข้ออ้างที่จะที่ไม่อ่านหนังสือ

ครู Ram เลยเอาภาษาญี่ปุ่นที่อยู่บนกล่องของเล่นในบ้านมาให้พ่ออ่าน ซึ่งมันเป็นตัวอักษรที่พ่อไม่รู้จัก พ่อเลยอ่านไม่ได้ แต่ครูก็ดุกลับไป บอกให้ตั้งใจ อย่าดื้อ อย่าเถียง ทำให้พ่อเริ่มเข้าใจ Ishaan ว่าลูกก็คงรู้สึกแบบนี้ จากนั้นครู Ram ก็อธิบายต่อว่า Ishaan ไม่ได้ขี้เกียจหรือโง่เลย เขาพยายามเต็มที่ แถมยังเป็นเด็กที่ฉลาดมาก สิ่งที่ Ishaan เป็นมีชื่อเรียกว่าโรคดิสเล็กเซีย ซึ่งจะมีอาการร่วมกับการรับคำสั่งที่ซับซ้อนไม่ได้ มีปัญหากับการควบคุมทิศทาง การกะระยะและความเร็ว ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันต่าง ๆ เช่น การติดกระดุม หรือการผูกเชือกรองเท้า

ครู Ram ยังบอกอีกว่า การส่ง Ishaan ไปโรงเรียนประจำ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาของโรคนี้เลย แต่มันกลับยิ่งทำให้เด็กเสียความมั่นใจและหวาดกลัวเกินกว่าที่เด็ก 8 ขวบจะรับได้ และตอนนี้ Ishaan ก็ได้เลิกทำสิ่งที่เขาเก่งและชอบมากที่สุดไปแล้ว และนั่นก็คือการวาดรูป ครู Ram พยายามบอกให้พ่อแม่มองเห็นความเป็นอัจฉริยะและจินตนาการที่กว้างไกลของลูก แต่พ่อก็บอกว่าสิ่งพวกนี้มันไร้ประโยชน์ เอาไปทำมาหากินไม่ได้ หลังจากครู Ram กลับไป ก็ดูเหมือนแม่จะเข้าใจลูกมากขึ้น

วันหนึ่งในการสอน ครู Ram ก็เล่าเรื่องของคน ๆ หนึ่งให้ฟัง เป็นคนที่มีปัญหาในการอ่านเขียน จำตัวอักษรสับสนซ้ายขวา แล้วก็ไปเขียนตัวอย่างให้เด็กดูบนกระดาน แล้วให้เด็ก ๆ อ่าน ซึ่งก็อ่านไม่ออก (ซึ่งนั่นคือชื่อของครูเอง) แต่พอเอากระจกมาส่อง เด็ก ๆ ก็อ่านได้และเข้าใจถึงความผิดปกตินี้ ทางด้าน Ishaan ก็รู้สึกว่าครูกำลังพูดถึงเขาเพราะมันตรงกับสิ่งที่เขาเป็นอยู่มาก ๆ พอครู Ram กำลังจะเฉลยว่าเขาพูดถึงใคร Ishaan ก็เริ่มกลัว แต่ครูกลับโชว์รูปไอสไตน์ขึ้นมา ทำให้เขาตะลึง ไม่คิดว่าคนที่เก่งมาก ๆ แบบนั้นเป็นเหมือนเขา เขาเลยฟังครูด้วยความตื่นเต้น ซึ่งนอกจากไอสไตน์แล้วยังมีคนดังจำนวนมากที่เป็นโรคนี้ ถึงแม้ตอนเด็กบุคคลเหล่านี้จะอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ แต่คนที่เป็นโรคนี้มักจะมีความคิดที่ไม่เหมือนคนทั่วไป มีความคิดนอกกรอบ ซึ่งพวกเขาก็พยายามฝ่าฟันอุปสรรคและพิสูจน์ให้โลกได้รู้ถึงความอัจฉริยะที่แฝงอยู่ผ่านผลงานที่พวกเขาได้สร้างสรรค์ขึ้น

ครู Ram เอาผลงานของ Ishaan ไปให้ครูใหญ่ดูเพื่อชี้ให้เห็นความเป็นอัจฉริยะ และขอให้ช่วงนี้ยังไม่ต้องสนใจลายมือและการอ่านของเขา เรื่องการสอบก็ขอให้สอบปากเปล่าไปก่อน ในระหว่างนี้เขาก็จะช่วยสอนให้เป็นพิเศษเอง ครู Ram ใช้เวลาว่างมาสอน Ishaan อ่านเขียน โดยใช้ศิลปะและธรรมชาติมาช่วย ทางด้าน Ishaan ก็ตั้งใจเรียนอย่างมีความสุข สนุกสนานกับการสอนของครู และการเรียนก็พัฒนาขึ้นตามลำดับ

อยากให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจว่าการเลี้ยงลูกไม่ได้มีแบบแผนตายตัว หน้าที่ของคุณคือต้องเอาใจใส่และสังเกตลูกให้มาก ๆ คอยสนับสนุนและส่งเสริมลูกในสิ่งที่เขาอยากทำ ในสิ่งที่เขามีความสามารถ และหากลูกมีปัญหาเรื่องพัฒนาการในด้านใดด้านหนึ่ง อย่าลังเลที่จะพาเขาไปพบแพทย์หรือนักบำบัด รวมถึงจิตแพทย์เด็กด้วย ไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใด เพราะจิตแพทย์สามารถช่วยปรับพฤติกรรมให้ได้ จึงควรรีบพาเขาไปพบโดยเร็วที่สุด

 

อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th

มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th