แม่ท้องเป็นโรคหัวใจ อันตรายที่ต้องระวัง
ปกติการตั้งครรภ์ก็เป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงอยู่แล้ว หาก “แม่ท้องเป็นโรคหัวใจ” ก็อาจจะมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอีก แม้แต่กับแม่ที่มีสุขภาพดีก็อาจได้รับผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดจากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์เช่นกัน ดังนั้น เราจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ รวมทั้งเรียนรู้การดูแลและป้องกันตนเอง เพื่อให้ตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย
โรคหัวใจกับการตั้งครรภ์
เมื่อตั้งครรภ์ ระบบต่าง ๆ ของร่างกายจะปรับตัวเพื่อให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของทารก โดยเฉพาะระบบหัวใจและหลอดเลือดจะทำงานหนักขึ้นเพื่อลำเลียงเอาออกซิเจนและสารอาหารต่าง ๆ ไปให้ทารกได้อย่างเพียงพอ ความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับระบบหัวใจที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างตั้งครรภ์ มีดังนี้
- ปริมาณเลือดเพิ่มขึ้น ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่จะผลิตเลือดเพิ่มขึ้นประมาณ 40-50 เปอร์เซ็นต์
- ปริมาตรของเลือดที่สูบฉีดออกจากหัวใจเพิ่มขึ้น เมื่อปริมาณเลือดเพิ่มขึ้น หัวใจของคุณแม่ก็จะสูบฉีดเลือดต่อนาทีมากขึ้นถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายแม่และทารกในครรภ์ได้อย่างเพียงพอ
- อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น โดยส่วนมากแล้วแม่ท้องจะมีอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น 10-15 ครั้งต่อนาที ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากหัวใจมีการสูบฉีดเลือดเพิ่มมากขึ้น
- ความดันโลหิตลดลง แม้อัตราการเต้นของหัวใจคุณแม่ตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้น แต่ก็อาจมีภาวะความดันโลหิตลดลงได้ ซึ่งมักมีความดันโลหิตลดต่ำลงประมาณ 10 มิลลิเมตรปรอท เนื่องจากระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงและร่างกายปรับตัวให้มีเลือดไหลเวียนไปที่มดลูกเพิ่มมากขึ้น สิ่งนี้ถือเป็นภาวะปกติและไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาแต่อย่างใด
นอกจากนี้การคลอดก็ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เนื่องจากการออกแรงเบ่งคลอดนั้นส่งผลต่อระบบไหลเวียนเลือดและความดันโลหิต ซึ่งในช่วงหลังคลอดอาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าหัวใจและหลอดเลือดของคุณแม่จะกลับมาทำงานเป็นปกติ
ระดับความรุนแรงของโรคหัวใจระหว่างตั้งครรภ์
- ยังสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ ไม่มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยหอบ ใจสั่น หรือเจ็บหน้าอกเนื่องมาจากหัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ไม่มีอาการปวดเค้นที่หัวใจ
- สามารถทำกิจกรรมได้เล็กน้อย รู้สึกสบายเมื่อได้พัก ถ้าทำกิจกรรมตามปกติแล้วจะเริ่มมีอาการเหนื่อย ใจสั่น และเจ็บหน้าอก
- สามารถทำกิจกรรมได้น้อยมาก รู้สึกสบายเมื่อได้พัก ถ้าทำกิจกรรมเพียงเล็กน้อยจะเริ่มเหนื่อย ใจสั่น เจ็บหน้าอก
- ไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้เลย แม้กระทั่งเวลาพักก็จะรู้สึกเหนื่อยหอบ ในสั่น หรือเจ็บหน้าอก
ใครมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจระหว่างตั้งครรภ์
ตามปกติแล้ว แม่ตั้งครรภ์มีโอกาสเกิดโรคหัวใจขณะตั้งครรภ์ได้ แต่จะยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นหากมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนี้
- ตั้งครรภ์ตอนอายุมาก หรือเคยตั้งครรภ์แฝดมาก่อน
- น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน หรือเป็นโรคอ้วน
- เป็นโรคเบาหวาน หรือมีภาวะความดันโลหิตสูง
- มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีปัญหาเกี่ยวกับลิ้นหัวใจ หัวใจล้มเหลว หรือหัวใจพิการแต่กำเนิด
- เคยมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
- ใช้ยาบางชนิดที่ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ
- สูบบุหรี่ขณะตั้งครรภ์
แม่ท้องเป็นโรคหัวใจมีความเสี่ยงอะไรเพิ่มบ้าง ?
แม่ตั้งครรภ์ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่แล้วจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจกำเริบเพิ่มมากขึ้น หรืออาจเกิดภาวะแทรกซ้อนต่อทารกในครรภ์ โดยภาวะผิดปกติที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ คุณแม่ทั่วไปอาจมีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้เล็กน้อยในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งไม่ถือว่าเป็นอันตราย และไม่จำเป็นต้องรักษา แต่กับคุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจ แพทย์จะประเมินอาการและวางแผนการรักษา หากมีอาการรุนแรงก็อาจต้องรักษาด้วยการใช้ยา
- ปัญหาลิ้นหัวใจ คุณแม่ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับลิ้นหัวใจหรือเคยผ่าตัดใส่ลิ้นหัวใจเทียม อาจส่งผลให้ลิ้นหัวใจทำงานได้ไม่เต็มที่นักในระหว่างตั้งครรภ์ อีกทั้งยังเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์มากขึ้น นอกจากนี้ การใส่ลิ้นหัวใจเทียมอาจทำให้คุณแม่เสี่ยงต่อภาวะเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบติดเชื้อหรือทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และอาจต้องรับประทานยาละลายลิ่มเลือดเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว แต่ยาชนิดนี้มีผลข้างเคียงต่อทารก จึงต้องปรึกษาแพทย์ให้ดีในการตัดสินใจที่จะใช้ชา
- หัวใจวาย เมื่อปริมาณเลือดในร่างกายเพิ่มขึ้น หัวใจก็จะทำงานหนักขึ้นตามไปด้วย ทำให้แม่ตั้งครรภ์ที่มีภาวะหัวใจวายมีอาการแย่ลงได้
- กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติระหว่างตั้งครรภ์หรือหลังคลอด มันคือภาวะหัวใจล้มเหลวชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ในช่วงเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ไปจนถึงระยะ 5 เดือนหลังคลอด โดยจะมีภาวะหัวใจโตเกิดขึ้นร่วมกับกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ส่งผลให้หัวใจบีบตัวเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้น้อยลง ส่งผลให้อวัยวะต่าง ๆ ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ
ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับทารก
เพราะทารกในครรภ์เจริญเติบโตขึ้นทุกวัน จึงต้องการเลือดไปเลี้ยงมากขึ้น ส่งผลให้หัวใจของคุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจแล้วตั้งครรภ์ต้องพยายามสูบฉีดเลือดเพื่อไปเลี้ยงทารกในครรภ์เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจอาจลดลง และสูบฉีดเลือดไปยังทารกในครรภ์ได้ไม่มากพอ ทารกจึงมักมีอัตราการเจริญเติบโตน้อยกว่า และอาจคลอดออกมาตัวเล็กกว่าปกติ หรือในกรณีที่คุณแม่มีความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด ทารกที่คลอดออกมาก็อาจเสี่ยงมีภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิดหรือคลอดก่อนกำหนดได้ด้วยเช่นกัน
เลือกคลอดแบบไหน หากเป็นโรคหัวใจระหว่างตั้งครรภ์
- ระหว่างที่เจ็บครรภ์คลอด คุณแม่ที่เป็นโรคหัวใจมักมีความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายได้ง่ายจากอาการเหนื่อยอ่อนและความเจ็บปวด แพทย์จึงมักให้ยาระงับปวดกับคุณแม่ โดยการฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำหรือฉีดเข้าทางไขสันหลัง และเพื่อไม่ให้คุณแม่ต้องออกแรงเบ่งมาก แพทย์ก็มักจะใช้เครื่องมือในการช่วยคลอด เช่น คีม เพื่อช่วยคีบศีรษะทารกออกมา
- แพทย์มักไม่แนะนำให้ผ่าคลอด เพราะจะทำให้คุณแม่เสี่ยงกับอาการหัวใจวายจากการเสียดเลือดมากในการผ่าตัดและจากการดมยาสลบได้มากกว่าคุณแม่ที่สุขภาพปกติ
การดูแลแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัวใจ
เราสามารถรับมือกับการเกิดโรคหัวใจขณะตั้งครรภ์ได้ด้วยการดูแลสุขภาพร่างกาย หากคุณแม่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจอยู่ก่อนแล้ว อาจต้องเพิ่มความระมัดระวังมากเป็นพิเศษทั้งในช่วงก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากโรคหัวใจบางชนิดอาจทำให้แม่ท้องเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้สูง
ในระหว่างตั้งครรภ์ คุณแม่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด ซึ่งแพทย์อาจนัดมาตรวจสุขภาพบ่อยกว่าคุณแม่ที่มีสุขภาพปกติ ที่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไม่มีความเสี่ยงต่อโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด
คุณแม่ควรดูแลสุขภาพตัวเองตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสม
- ควบคุมน้ำหนักในระหว่างตั้งครรภ์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพครรภ์และสุขภาพของตัวเอง
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์
- เลิกสูบบุหรี่
สำหรับแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหัวใจและมีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษา การใช้ยาอาจส่งผลกระทบต่อทารกได้ ดังนั้น ต้องปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาประโยชน์และผลเสียที่จะได้รับจากการใช้ยาดังกล่าวด้วย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องใช้ยา แพทย์จะให้ใช้ยาในปริมาณที่ปลอดภัยและส่งผลดีต่อการรักษามากที่สุด ซึ่งคุณแม่ต้องรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ห้ามรับประทานมากหรือน้อยกว่าที่แพทย์กำหนด รวมทั้งห้ามหยุดยาเองเด็ดขาด
จะมีทางป้องกันได้อย่างไร ?
โรคหัวใจขณะตั้งครรภ์นั้น เรามีวิธีควบคุมความเสี่ยงได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยผู้ที่วางแผนจะตั้งครรภ์และอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเกิดโรคหัวใจสูงควรปรึกษาแพทย์ให้ดีก่อนตั้งครรภ์ เพื่อให้แพทย์วางแผนและให้คำแนะนำในการดูแลตนเองตั้งแต่ช่วงก่อนและระหว่างการตั้งครรภ์อย่างถูกต้องและเหมาะสม นอกจากนี้ คุณแม่ควรเตรียมพร้อมร่างกายก่อนตั้งครรภ์ด้วยการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เลิกสูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และควบคุมระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ เพื่อช่วยให้คุณแม่และทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรง
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th