สังเกตอาการ “ข้อสะโพกเคลื่อน” ในเด็ก
เมื่อลูกน้อยเริ่มที่จะคืบหรือคลาน หากคุณพบว่าเขาคลานด้วยขาเพียงแค่ข้างเดียวหรือขาข้างหนึ่งหมุนได้มากกว่าปกติ เขาอาจมีอาการ “ข้อสะโพกเคลื่อน” อยู่ก็เป็นได้นะคะ หากคุณพบถึงความผิดปกติเช่นนี้ ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์นะคะ ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับอาการนี้ให้ดียิ่งขึ้นค่ะ เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่จะได้นำไปสังเกตลูกรักของคุณได้
ปัญหาข้อสะโพกเคลื่อนในทารกคืออะไร ?
เมื่อลูกสะบ้าของข้อสะโพกมีขนาดที่ไม่เหมาะสมและไม่พอดีกับเบ้าสะโพก หมายความว่าข้อสะโพกจะหลวมและมีแนวโน้มที่จะได้รับบาดเจ็บ ปัญหานี้อาจนำไปสู่ความคลาดเคลื่อนของสะโพกหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ในอนาคต
สาเหตุของข้อสะโพกเคลื่อนตั้งแต่กำเนิด
อาการข้อสะโพกเคลื่อนตั้งแต่กำเนิดพบได้ 1 ใน 1000 ของเด็กแรกเกิด และมีโอกาสเป็นพร้อมกันทั้งสองข้างสูงถึง 20% เลยทีเดียว ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมีทั้งสาเหตุจากกรรมพันธุ์และเชื้อชาติ พบว่าในบางชนชาติบางชาติมีเด็กเกิดใหม่เป็นโรคนี้มากกว่าชนชาติอื่น ๆ เช่น ชนพื้นเมืองอเมริกัน ญี่ปุ่น แต่จะไม่ค่อยพบในคนจีนหรือกลุ่มคนแอฟริกัน
นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากสภาพแวดล้อมในครรภ์หรือปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ส่งผล เช่น
- ท้องแรกเป็นเด็กผู้หญิง
- มีประวัติในครอบครัวเป็นโรคนี้มาก่อน
- ตอนคลอดมดลูกและช่องคลอดของแม่ขยายตัวได้ไม่มากนัก อาจบีบรัดตัวลูกน้อย ทำให้เด็กต้องคลอดแบบไม่กลับตัว โดยเอาก้นนำออกมาแทน
- ลูกตัวใหญ่น้ำหนักตัวมาก แต่แม่ตัวเล็ก
- แม่มีปริมาณน้ำคร่ำน้อยกว่าปกติ
- การห่อตัวทารกแรกเกิดแน่นจนเกินไป
- เด็กมีเท้าหรือคอที่เกร็งผิดปกติ
ไม่ค่อยมีทารกที่เกิดมาพร้อมกับอาการนี้ แต่อาการจะพัฒนาเองได้หลังคลอด เพื่อป้องกันการเกิดอาการในทารกที่ไม่ได้มีอาการมาตั้งแต่เกิด อย่าให้สะโพกหรือขาของทารกแรกเกิดถูกห่อจะรัดกันแน่น ตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่าขาของทารกมีพื้นที่ให้กระดิกได้อย่างเพียงพอ
การวินิจฉัยปัญหาทำอย่างไร ?
โดยปกติแพทย์จะรู้สึกได้หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น แพทย์จะตรวจสะโพกของทารกในโรงพยาบาลหลังคลอด โดยค่อย ๆ ผลักและดึงกระดูกต้นขาของทารกเพื่อดูว่าหลวมในเบ้าสะโพกหรือไม่ อาจจำเป็นต้องใช้การอัลตราซาวนด์เพื่อให้ได้ภาพสะโพก และสามารถเอ็กซ์เรย์ได้เมื่อลูกน้อยของคุณมีอายุมากกว่า 4-6 เดือน ในวัยนั้น กระดูกของพวกเขาก่อตัวขึ้นมากพอที่จะมองเห็นได้จากการเอ็กซ์เรย์
ปัญหาสะโพกอาจไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเกิด พวกมันอาจกลายเป็นปัญหาเมื่อร่างกายของลูกน้อยพัฒนาขึ้นตามวัย แพทย์จะตรวจสะโพกของทารกทุกครั้งที่คุณพาลูกไปตรวจสุขภาพ เมื่อลูกของคุณโตขึ้น แพทย์จะตรวจดูว่าต้นขาของทารกกางออกง่ายหรือไม่
วิธีการรักษา
วิธีรักษาโรคข้อสะโพกเคลื่อนแต่กำเนิดมีหลายวิธีตามระดับความรุนแรงของโรคและอายุของเด็ก
- แรกเกิด – 6 เดือน หากตรวจพบอาการในระยะนี้ แพทย์จะทำการรักษาด้วยการใช้สายรัด (Pavlik harness) ที่ดึงให้ขาทารกอยู่ในท่ากบ หรือไฟเบอร์กลาสที่มีลักษณะคล้ายกระดองเต่า มันจะช่วยทำให้ขาของทารกอยู่ในตำแหน่งที่นำลูกของข้อสะโพกเข้าไปในเบ้าตามปกติและมีพัฒนาของข้ออย่างเหมาะสมต่อไป การรักษาแบบนี้มักใช้เวลาประมาณ 6-12 สัปดาห์ ขณะสวมสายรัด ทารกจะต้องเข้ารับการตรวจทุก 1-3 สัปดาห์ด้วยการอัลตราซาวนด์สะโพก ในระหว่างการตรวจ ทีมแพทย์สามารถปรับสายรัดได้หากต้องการ
- 6 เดือนขึ้นไป หากการรักษาระดับแรกไม่สำเร็จ แพทย์จะทำการรักษาโดยการดึงข้อสะโพกเข้าที่ ตามด้วยการใส่เฝือกแข็ง (Hip spica cast) โดยใช้การเอกซเรย์ CT หรือ CAT SCAN หรือ MRI เพื่อสังเกตอาการควบคู่ไปด้วย
- 1 ปีขึ้นไป หากมาถึงระยะนี้ จะได้เข้าผ้าตัดใหญ่เพื่อปรับแต่งและจัดให้กระดูกสะโพกเข้าเบ้า อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยแพทย์จะผ่าตัดเพื่อตกแต่งกระดูกพร้อมใส่แผ่นเหล็กดามไว้ ซึ่งหลังการผ่าตัดต้องใส่เฝือกแข็งหลายเดือน และติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง บางครั้ง ศัลยแพทย์ก็ทำการผ่าตัดกระดูกเชิงกรานเพื่อทำให้เบ้าสะโพกตื้นขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กอายุมากกว่า 18 เดือน
- 14 ปีขึ้นไป แพทย์จะรักษาด้วยการผ่าตัดที่กระดูกเบ้าสะโพกหรือกระดูกต้นขา เพื่อให้ศูนย์กลางของข้อสะโพกเข้าที่และมีพื้นที่รับน้ำหนักมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ วัตถุประสงค์คือชะลอความเสื่อมของข้อสะโพกออกไปให้นานที่สุด
จะกลับมาเดินได้ปกติไหม ? กระดูกจะกลับมาหลุดอีกไหม ?
หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เด็กสามารถกลับมาเป็นปกติเหมือนเด็กทั่วไป ข้อสะโพกจะแข็งแรง มั่นคง ไม่หลุดอีก แต่ในเด็กที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาได้ไม่เต็มที่จะยังมีปัญหาขาสั้นยาว เดินกะเผลก และเกิดอาการข้อสะโพกเสื่อม เด็กจะเจ็บจนเดินลงน้ำหนักไม่ได้เต็มที่เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
มีหนทางป้องกันหรือไม่ ?
- สำหรับทารกที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เช่น เป็นลูกคนแรกที่เป็นเด็กหญิง คลอดท่าก้น น้ำเดินก่อนคลอด แพทย์จะทำการตรวจสะโพกให้เป็นพิเศษ อาจมีการตรวจอัลตราซาวนด์สะโพกหรือถ่ายภาพเอ็กซ์เรย์
- พยายามไม่ห่อตัวลูกแน่นเกินไป ให้แพทย์หรือพยาบาลสอนการห่อตัวลูกที่ถูกต้อง ซึ่งขาจะงอได้และเคลื่อนไหวได้สะดวก ไม่ใช่ควรห่อแบบมัดแน่น
- หมั่นให้ลูกนอนคว่ำหรือนอนหงาย ไม่นอนตะแคงมากเกินไปจนสะโพกหุบ
- คอยสังเกตความผิดปกติที่ขาของลูก พวกรอยพับที่ผิวหนัง ขาที่สั้นยาว ปลายขาที่ชี้ออกไม่เท่ากัน ท่าเดินที่ผิดปกติ เดินกะเผลกแต่ไม่เจ็บ
- การรักษาตั้งแต่อายุน้อย ๆ จะได้ผลดีกว่าอายุมาก ซึ่งเด็กที่มีปัจจัยเสี่ยงมากกว่าเด็กทั่วไป ควรให้แพทย์ตรวจสะโพกเพื่อดูว่าเป็นโรคนี้หรือไม่ตั้งแต่แรกเกิด
เมื่อทารกต้องอยู่กับปัญหาสะโพก
การรักษาและการเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่องจะบรรเทาอาการได้ ถึงกระนั้นก็ยังมีโอกาสเกิดปัญหาซ้ำอีกในอนาคต เช่น ข้อเคลื่อน พูดคุยกับแพทย์ของคุณเกี่ยวกับประโยชน์และความเสี่ยงของการรักษา ตลอดจนปัญหาที่เกี่ยวข้องที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ควรรู้อะไรอีกบ้าง ?
เด็ก ๆ จะได้รับการตรวจร่างกายเป็นประจำกับแพทย์เฉพาะทางออร์โธปิดิกส์จนกว่าพวกเขาจะอายุ 16-18 ปีและโตขึ้น สิ่งเหล่านี้ช่วยคุณให้แน่ใจได้ว่าสะโพกของลูกจะพัฒนาได้ดี
อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >> story.motherhood.co.th
มองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >> Motherhood.co.th